Wednesday, August 24, 2016

"เลือกซื้อกล้องอย่างไรให้เหมาะกับคุณ"

สวัสดีครับทุกๆท่าน ถ้าหากว่าคุณกำลังตัดสินใจที่จะซื้อกล้อง 
แต่ไม่รู้ว่า "จะซื้อกล้องตัวไหนดี" คุณมาถูกเว็บแล้วหละครับ :)

-เกริน

ในสมัยก่อนการใช้กล้องนั้นเคยเป็นเรื่องยาก แต่ในสมัยนี้ใครๆก็สามารถใช้กล้องได้ 
แต่ว่า การเลือกซื้อกล้องที่เหมาะสมกับการใช้งานตนเองนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญ 
เพราะกล้องนั่นไม่ได้ราคาถูกๆ อีกทั้งยังมีจำนวนกล้องให้เลือกไม่ใช่น้อยๆ 
และ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ ต้องใช้เวลาศึกษา และ ทำความเข้าใจ 

ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อให้ "คุณ" สามารถ เลือกซื้อกล้องที่
เพอร์เฟค และ ราคาไม่แพง ได้ในเวลาสั้นๆ โดยที่ “คุณ” ไม่จำเป็นศึกษาหาความรู้เอง 
เพราะในวันนี้ ผมได้นำทุกอย่างที่ “คุณ” ต้องรู้มาใส่เอาไว้ในบทความนี้เรียบร้อยแล้ว ครับ

ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

-
กล้อง คืออะไร?

กล้องถ่ายภาพ หรือ กล้องถ่ายรูป เป็นเหมือนกล่องทึบแสง ทำหน้าที่รับแสงเพื่อใช้ในการสร้างภาพ กลไกและชิ้นส่วนต่าง ๆ(เช่น Shutter , Lens , Mirror) ของกล้องจะทำงานสัมพันธ์กันในการควบคุมปริมาณแสงที่เข้าไปยังหน่วยรับภาพ(เช่น Sensor , Film)

แต่สำหรับผมแล้ว กล้อง คือสิ่งที่ บันทึกเป็นความจริง เช่น ภาพเหตุการณ์ ต่างๆ , บุคคล ต่างๆ , สถานที่ ต่างๆ หรืออย่างน้อยๆ ก็ ทุกๆอย่างที่มนุษย์สามารถมองเห็นครับ


-
เรามาพูดถึง ประเภท ของกล้องกันดีกว่าครับ
จาก อดีต จนถึง ปัจจุบัน กล้องนั้นมีหลายประเภทมากมายเลยครับ แต่ในวันนี้ผมจะพูดถึงกล้องแค่ ประเภท คือกล้องที่หาซื้อง่ายมากๆในตลาดปัจจุบันครับ นั่นคือ DSLR และ Mirrorless ครับ

DSLR 
คือ อะไร และ ทำงานอย่างไร?


DSLR 
ย่อมาจาก Digital Single Lens Reflex ครับ แปลว่า กล้องที่เป็นดิจิตอล มีเลนส์1ตัวถ่ายภาพ โดยใช้การสะท้อนภาพด้วยกระจกไปที่ ตาของผู้ถ่าย


กลไกของ DSLR จะมี เลนส์ ชัตเตอร์ กระจกสะท้อน พริซึ่ม และ เซนเซอร์ ครับ
-เลนส์  มีหน้าที่ กำหนด DOF(Depth of Field) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ชัดตื้นชัดลึก ครับ อีกทั้งยังมีหน้าที่ โฟกัสภาพ(ปรับความคมชัดในภาพ) และ ควบคุมปริมาณแสงที่จะเข้ากระทบกับ เซนเซอร์ และ กระจกสะท้อน

-ชัตเตอร์ มีหน้าที่ เปิดม่านเพื่อให้แสงเข้าไปกระทบกับ เซนเซอร์  และ ควบคุมปริมาณเวลาที่แสงจะเข้ามากระทบกับ เซนเซอร์ อีกทั้งยัง ควบคุม Motion(การเคลื่อนไหว) ในภาพ

-กระจกสะท้อน มีหน้าที่สะท้อนแสงขึ้นไปที่ พริซึ่ม 

-พริซึ่ม มีหน้าที่สะท้อนแสงจาก กระจกสะท้อน ไปที่ Viewfinder และไปที่ตาของผู้ถ่ายภาพ (ผู้ถ่ายภาพจะสามารถเห็นภาพจริงๆก่อนกดชัตเตอร์ อีกทั้งยัง สามารถ จัดองค์ประกอบได้อีกด้วย)

-เซนเซอร์  นั้น ไวต่อแสง(Photosensitive) และ มีหน้าที่ บันทึกแสงที่มากระทบกับ เซนเซอร์  จะถูกบันทึกเป็น ไฟล์ ดิจิตอล นั้นเอง

เวลาที่บันทึกภาพ กระจกสะท้อนจะถูกยกขึ้น และ ม่านชัตเตอร์ จะเปิด และ แสงจะเข้าไปกระทบกับ เซนเซอร์ และภาพจะถูกบันทึกเป็นไฟล์ดิจิตอลครับ


Mirrorless
 คือ อะไร และ ทำงานอย่างไร?

Mirrorless
 คือ กล้องที่เหมือนกับ DSLR ครับ แต่ว่า Mirrorless จะไม่มีกระจกสะท้อนแบบ DSLR แต่จะใช้ EVF(Electronic View Finder) แสดงภาพไปที่ตาของผู้ถ่าย แทนการใช้กระจกสะท้อนแสงครับ

กลไกของ Mirrorless จะมี เลนส์ ชัตเตอร์ , EVF, และ เซนเซอร์ ครับ
ทำงานเหมือนกับกล้อง DSLR ทุกประการเลยครับ แต่ว่า Mirrorless จะไม่มี กระจกสะท้อน และ พริซั่ม แต่ว่าจะมี EVF มาแทนครับ ซึ่งมีหน้าที่ เหมือนกับ Viewfinder เวลาที่บันทึกภาพ ม่านชัตเตอร์ จะเปิด และ แสงจะเข้าไปกระทบกับ เซนเซอร์ และภาพจะถูกบันทึกเป็นไฟล์ดิจิตอลครับ

Mirrorless 
กับ DSLR ต่างกันอย่างไร?


ข้อดี และ ข้อเสีย

ข้อดีของ DSLR
-เนื่องจาก กล้อง DSLR นั้นมีมานานเป็นร้อยกว่าปี ระบบของกล้อง DSLR นั้นถูกพัตนามาอย่างต่อเนื่อง และ ย่อมดีกว่า Mirrorless ครับ
-มีอุปกรณ์เสริม และ เลนส์ ให้เลือกเยอะมากกว่า
-จับถนัดมือ และ คล่องตัว
-แลดูเป็นมืออาชีพ
-FPS(ความเร็วที่สามารถบันทึกภาพได้ต่อวิ) เยอะกว่า Mirrorless
-ระบบ โฟกัส เร็ว และ แม่นยำ มากกว่า Mirrorless
-แบตก้อนใหญ่กว่า เมื่อเทียบกับ Mirrorless
*ประหยัดแบต มากหว่า Mirrorless
ถ่ายได้อย่างน้อย 800 ภาพ ต่อการชาร์ต ครั้ง
-มีความอึดถึกทนทาน ต่อ สภาพอากาศ และ ฝุ่นมากกว่า Mirrorless

ข้อเสียของ DSLR
-ขนาดใหญ่ และ มีน้ำหนักค่อนข้างมาก
-ราคาค่อนข้างแพง

ข้อดีของ Mirrorless
-ขนาดเล็กกระทัดรัด พกพาง่าย น้ำหนักเบา
-บางรุ่นมีความสามารถ เห็นภาพจริงๆได้ก่อนถ่าย
-บางรุ่นสามารถ ถ่ายวีดีโอได้ดีกว่า(4K) กล้อง DSLR
-บางรุ่น ราคาค่อนข้างถูกกว่า กล้อง DSLR
-คุณภาพค่อนข้างดี เมื่อเปรียบเทียบกับ กล้อง DSLR

ข้อเสียของ Mirrorless
-แบตก้อนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับ DSLR
*ใช้ได้น้อยต่อการชาร์จ ครั้ง เมื่อเทียบกับ DSLR
ถ่ายได้เพียงแค่ 300-500 ภาพ ต่อการชาร์จ ครั้ง
กินแบตมากๆ เนื่องจากใช้ จอ ตลอดเวลา และ ยังส่งผลให้ เครื่องร้อนง่ายเมื่อใช้นานๆ ทำให้แบตเสื่อมง่ายขึ้นมากครับ
-EVF ของกล้องบางรุ่น จะดีเลย์ภาพที่แสดงออกมาเล็กน้อย
-กล้องบางรุ่นที่มี Spec เทียบเท่ากับ DSLR มีราคาค่อนข้างแพงมาก
-เนื่องจาก Mirrorless ยังมีมาไม่นาน พวก อุปกรณ์เสริม และ เลนส์ต่างๆ จะยังมีให้เลือกไม่มากครับ


-ความแตกต่างของกล้องแต่ละระดับ

Entry-Level
คือกล้องระดับของ มือใหม่ หรือ ที่เรียกกันว่า มือสมัครเล่นครับ
กล้องในระดับนี้จะราคาถูกที่สุดในทุกระดับครับ เนื่องจาก Spec ของกล้องจะไม่สูงมากนัก
แต่ สำหรับผม กล้องระดับ Entry-Level ก็สามารถบันทึกภาพได้ดี คุ้มค่ากับราคาของสินค้าครับ
ราคา จะอยู่ที่ประมาณ 15,000-50,000 บาทครับ ส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับ เลนส์ และ อุปกรณ์เสริมต่างๆครับ(SD card , filter , กระเป๋า อุปกรณ์ทำความสะอาด ขาตั้งกล้อง)

Mid-Range
คือกล้องระดับกลาง
กล้องในระดับนี้จะราคาปานกลาง ราคาอยู่ที่ประมาณ 40,000-85,000บาทครับ Spec ของกล้องค่อนข้างดี เหมาะกับคนที่ใช้กล้องบ่อยๆ(มันคือกล้องระดับ Entry-Level ที่ Spec และ ฟีเจอร์ เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่จะมีความ อึดถึกทน เหมาะสำหรับคนที่ชอบไปเที่ยว ผจญภัย แบบ Hardcore นิดๆครับ มันสามารถทน สภาพอากาศ ที่ไม่ดีได้ แต่จะไม่สามารถทนสภาพอากาศที่รุนแรงมากๆได้ครับ) หรือ ทำเป็นอาชีพเสริม เล็กๆน้อยๆครับ ส่วนใหญ่แล้วจะมาพร้อมกับ เลนส์ และ อุปกรณ์เสริมต่างๆครับ(SD card , filter , กระเป๋า อุปกรณ์ทำความสะอาด ขาตั้งกล้อง)

Professional
คือกล้องระดับมืออาชีพ หรือ โปร
กล้องในระดับนี้จะราคา ปานกลาง-สูง เหมาะสำหรับคนที่ใช้กล้องทำงานเป็นหลัก Spec และ ฟีเจอร์ ของกล้องถือว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก หรือ ดีที่สุดในขณะนี้ เหมาะสำหรับคนที่ ต้องการ ความละเอียดของภาพ ความคมชัด , สี และ คอนทราสต์ ครับ ราคาจะอยู่ที่ราวๆ 90,000-120,000 กล้องระดับมืออาชีพ จะสามารถ ถ่ายภาพแนว กีฬา หรือ มาโคร ได้ดีกว่า กล้อง ระดับมือใหม่ และ ระดับกลางครับ 
ภาพแนว มาโคร

Heavy Duty Professional
คือกล้องระดับมืออาชีพ ที่มีความอึดถึกทน มากที่สุด และ Spec สูงที่สุด เหมาะสำหรับ ช่างภาพมืออาชีพ ที่ต้องการ ความละเอียดของภาพ ความคมชัด สี คอนทราสต์ และ ความอึดถึกทน แบบที่คุณจะมาสามารถไปลุย ป่าดิบชื้น ทะเลทราย หรือ แม้แต่ ขั่วโลก กล้องระดับนี้ ก็จะทำหน้าที่ของมันตั้งแต่เริ่มต้น จน จบงานเลยหละครับ โดยที่คุณไม่ต้องห่วงเรื่อง แบตเตอรี่หมด หรือ กล้องไฟช็อต เลย เพราะว่า เขาออกแบบมาดีมากๆครับ


-
คุณภาพ ที่ต้องใส่ใจ
*Spec.
ISO คือ ค่าความไวแสงที่มีอยู่ในกล้อง มีหน้าที่คุมควบคุมปริมาณของแสงที่กล้องจะรับเข้ามา
-เมื่อค่า ISO เพิ่มขึ้น กล้องก็จะรับแสงได้มากขึ้น แต่ ความละเอียด และ ความคมชัด ของภาพก็จะถูกลดลงไปด้วย



อยู่ที่กล้องแต่ละตัวครับ ว่าคุณภาพ จะถูกลดไป มาก หรือ น้อย แต่มี กล้องบางตัวที่ราคาแพงมากๆ จะไม่สูญเสียคุณภาพไปเลย ถึงแม้ว่าจะถ่ายด้วย ISO สูงสุด ก็ตาม
- กล้องที่มีค่า ISO สูงสุดมากเท่าไหร่ กล้องตัวนั้นก็จะสามารถถ่ายภาพในที่มืดได้สว่างมากขึ้นเท่านั้น
-กล้องแต่ละตัวจะมีค่าISOที่สูงที่สุดไม่เท่ากันครับ ส่วนใหญ่แล้ว ISO จะอยู่ที่ 100-12,800 ครับ
-ค่า ISO มีตั้งแต่ 50 จนถึง 3,280,000 เลยหละครับ


ภาพนี้ถ่ายด้วย ISO ที่ 1,250 ครับ



ภาพนี้ถ่ายด้วย ISO ที่ 204,800  ครับ

AF 
ออโต้โฟกัส คือ ระบบการปรับความชัดในภาพของกล้อง
-ความเร็ว และ ความ แม่นยำ ของระบบออโต้โฟกัส นั้นมีผลกับการถ่ายภาพเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการถ่ายภาพ แนว กีฬา และ มาโคร 

ภาพแนว กีฬา

ถ้าหากว่าระบบ ออโต้โฟกัสของกล้องนั้นไม่มีประสิทธิภาพ ภาพที่คุณถ่ายมา อาจจะ ไม่คมชัด และ ทำให้ไม่สามารถนำภาพนั้นไปใช้งานได้ 

MP 
เมกะพิกเซล คือหน่วยวัดความละเอียดของภาพ
-ยิ่งเมกะพิกเซล เยอะมากเท่าไหร่่ก็ยิ่งดีครับ เพราะนั้นหมายความว่า ภาพของคุณจะมีความละเอียดสูงตาม

Battery 
แบตเตอรี่
-ขนาดของ แบตเตอรี่ นั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะ ยิ่งแบตเตอรี่เยอะมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งใช้งานได้นานขึ้นมากเท่านั้น นั้นหมายความว่า คุณไม่จำเป็นต้องกังวล ว่ากล้องของคุณจะแบตหมดระหว่างการทำงานเลยหละครับ


Wifi 
วายฟาย
-กล้องที่มี Wifi ในตัวนั้นสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ และ โอน ข้อมูลภาพถ่ายได้อย่าง รวดเร็ว ซึ่งหมายความว่า คุณไม่จำเป็นต้องรอกลับถึงบ้านแล้วค่อยอัพโหลดภาพขึ้น โซเชียลมีเดีย  แต่ คุณสามารถทำได้เลย 

LCD Screen 
หน้าจอของกล้อง
-หน้าจอที่สามารถหมุน และ พับ ได้อย่างอิสระ จะทำให้คุณถ่ายภาพได้อย่างสะดวกมากขึ้น เมื่อคุณต้องการภาพ มุมสูงๆ หรือ มุมต่ำๆ ครับ
-หน้าจอที่สามารถ ใช้นิ้วสัมพัสได้ จะทำให้คุณ สามารถ ปรับกล้องได้อย่าง รวดเร็ว และ สะดวก มากขึ้นครับ
-หน้าจอที่มีคุณภาพสูง จะทำให้คุณถ่ายภาพได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวล เรื่อง สีเพี้ยน หรือ แสงเพี้ยน ครับ




"เลือกซื้อกล้องที่เหมาะกับคุณ"ตอนที่1 ทำความรู้จักกับกล้อง โดย CameraGuru

สวัสดีครับทุกๆท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ "เลือกซื้อกล้องที่เหมาะกับคุณ" ตอนที่1 ทำความรู้จักกับกล้อง 

เรามาเริ่มกันเลยนะครับ

-กล้อง คืออะไร?

กล้องถ่ายภาพ หรือ กล้องถ่ายรูป เป็นเหมือนกล่องทึบแสง ทำหน้าที่รับแสงเพื่อใช้ในการสร้างภาพ กลไกและชิ้นส่วนต่าง ๆ(เช่น Shutter , Lens , Mirror) ของกล้องจะทำงานสัมพันธ์กันในการควบคุมปริมาณแสงที่เข้าไปยังหน่วยรับภาพ(เช่น Sensor , Film)

แต่สำหรับผมแล้ว กล้อง คือสิ่งที่ บันทึกเป็นความจริง เช่น ภาพเหตุการณ์ ต่างๆ , บุคคล ต่างๆ , สถานที่ ต่างๆ หรืออย่างน้อยๆ ก็ ทุกๆอย่างที่มนุษย์สามารถมองเห็นครับ

-เรามาพูดถึง ประเภท ของกล้องกันดีกว่าครับ
จาก อดีต จนถึง ปัจจุบัน กล้องนั้นมีหลายประเภทมากมายเลยครับ แต่ในวันนี้ผมจะพูดถึงกล้องแค่ ประเภท คือกล้องที่หาซื้อง่ายมากๆในตลาดปัจจุบันครับ นั่นคือ DSLR และ Mirrorless ครับ

...แต่เดี๋ยวก่อน!! ผมจำเป็นจะต้องเล่าและอธิบาย เรื่องราวในอดีตของกล้องให้คุณได้รู้เสียก่อน

ผมจะยังไม่ย้อนกลับไปในอดีตมากเกินไปนะครับ สำหรับบทความนี้ แค่ 400กว่าปีเอง (เหะๆ)

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ 1200-1600 ได้มีการคิดค้น Silver Nitrate หรือ ที่เรียกกันว่า เกลือเงินครับ ซึ้ง เจ้าเกลือเงินเนี่ยมันจะทำปฏิกิริยากับแสง 


และ ในปี ค.ศ 1694 ได้มีการคิดค้น สารเคมีที่ทำ ปฏิกิริยากับแสง หลังจากนั้นก็มีช่างภาพหลายต่อหลายคน ที่คิดค้น และ พัตนา 
การสรา้งภาพ ที่อยู่ได้อย่างถาวร โดยการใช้  สารเคมีต่างๆ และ  Silver Nitrate 

ระหว่างนั้นในปี ค.ศ 1700-1800 ได้มีการสร้าง เลนส์สำหรับกล้องขึ้นมาครับ 

และในที่สุด ในปี ค.ศ 1826 Joseph Nicéphore Niépce ครับได้สร้างภาพถ่ายภาพแรกที่อยู่ได้อย่างถาวร



ซึ้งภาพนี้ใช้เวลาถ่าย นานนับหลาย ชั่วโมง ครับ กว่าจะได้เป็นภาพ ภาพนี้ ภาพแรกที่อยู่ได้อย่างถาวรของโลก

เอาหละครับ ผมขอจบบทความเพียงเท่านี้นะครับ และ หวังว่าพบกันใหม่ในตอนต่อไป 
"เลือกซื้อกล้องที่เหมาะกับคุณ"ตอนที่ประวัติศาสตร์ของกล้องก่อนยุดดิจิตอล

ไม่พลาดทุก เคล็ดลับ และ สาระดีๆ จาก CameraGuru ท่านสามารถติดตามได้ที่นี้